หากคิด ไหว้พระในกรุงเทพ หนึ่งในวัดที่ติดอันดับแพลนคงไม่พ้น วัดระฆังโฆสิตาราม วัดสวยเก่าแก่ในกรุงเทพฯ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งในวัดสำคัญนั่นเองครับ ด้วยความเชื่อของคนไทยเรายังมีคติความเชื่อที่ว่า หากใครได้เดินทางไปกราบไว้ไหว้พระวัดระฆัง นั้นจะทำให้ มีคนนิยมชมชื่น แถมยังช่วยให้มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดปี อีกด้วย วันนี้ทาง วัดสวยเมืองไทย จะขอเป็นไกด์พาทุกท่านไปทัวร์และทำความรู้จักกับ วัดระฆัง กันเองครับ
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร วัดสวย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพ
ประวัติความเป็นมาของ วัดระฆัง
วัดระฆังโฆสิตาราม นั้นมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมวัดแห่งนี้ได้ใช้ชื่อว่า วัดบางหว้าใหญ่ ในเวลาต่อมา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงยกให้ขึ้นเป็นพระอารามหลวง และเมื่อมีการขุดพบระฆังโบราณในเขตของวัด ในสมัยรัชกาลที่ 1 จึงได้ถูกเรียกว่า วัดระฆัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อีกทั้งวัดแห่งนี้ยังเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระสังฆราช ในสมัยรัตนโกสินทร์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นสถานที่ในการประชุมสังคายนาพระไตรปิฎก ซึ่งอัญเชิญมาจากนครศรีธรรมราชขึ้นที่วัดระฆังแห่งนี้อีกด้วย
หากได้พูดถึง วัดระฆังแห่งนี้ ขึ้นมาเมื่อไหร่ เป็นให้ต้องนึกถึง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งท่านเป็นพระมหาเถระรูปสำคัญ ที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างมากในประเทศไทย ซึ่งท่านเคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังวรมหาวิหารในสมัยรัชกาลที่ 4-5
สำหรับ พระคาถาชินบัญชร เป็นบทสวดมนต์ สันนิษฐานว่ามีพระเถระชาวล้านนาเป็นผู้แต่งขึ้น และเป็นถือว่าพระคาถาสำคัญในพิธีกรรมตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา และได้มีการปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้น โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่มีความเชื่อกันว่าหากสวดกันเป็นประจำจะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองนั่นเอง
ความน่าสนใจของวัดระฆัง
1. พระอุโบสถ
ภายในวัดระฆัง นั้นมีพระอุโบสถที่สวยงาม เป็นทรงแบบรัชกาลที่ 1 ซึ่งได้ประดิษฐาน หลวงพ่อยิ้มรับฟ้า เป็นพระประธานของวัด โดยเป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ สำหรับพระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามมาก ซึ่งครั้งหนึ่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์เคยเสด็จมาพระราชทานผ้ากฐิน ทรงมีพระราชดำรัสว่า “ไปวัดไหนก็ไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าสู่ประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที” จึงเป็นที่มาของชื่อพระประธานนั่นเอง
นอกจากนี้ ภายในพระอุโบสถยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่มีเรื่องราวของต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นภาพจิตรกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าฝีมืองดงามเป็นอย่างมาก มีชีวิตชีวาอ่อนช้อย ซึ่งภาพเหล่านี้เขียนโดย พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง จารุวิจิตร) จิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ 6 ในพ.ศ. 2465 ในช่วงบูรณะวัดระฆังแห่งนี้นั่นเอง
2. พระปรางค์ วัดระฆัง
ปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งของวัดระฆังก็คือ พระปรางค์ วัดระฆัง ค่ะ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระปรางค์ที่ทำถูกแบบแผนที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยทรงมีพระราชศรัทธาสร้างพระปรางค์ พระราชทานร่วมกุศลกับสมเด็จพระพี่นางพระองค์ใหญ่ (สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง กรมพระเทพสุดาวดี) โดยเป็นพระปรางค์แบบ สถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ยุคต้นที่งดงาม จนยึดถือเป็นแบบฉบับของพระปรางค์ที่สร้างในยุคต่อมานั่นเอง
3. หอพระไตรปิฎก
ที่วัดระฆัง นั้นยังมี หอพระไตรปิฎก โดยเป็นสถาปัตยกรรมที่ความสวยสดงดงามเอามาก ๆ ซึ่งเคยเป็นพระตำหนัก และหอประทับนั่งของ ในหลวงรัชกาลที่ 1 ขณะทรงรับราชการในสมัยธนบุรี และทรางโปรดเกล้าฯ ให้รื้อมาถวายแก้วัด เมื่อเพระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ภายในมีตู้พระไตรปิฎกขนาดใหญ่เขียนลายรดน้ำ 2 ตู้ ประดิษฐานไว้ในหอด้านเหนือ 1 ตู้ หอด้านใต้ 1 ตู้
การเดินทางไปยัง วัดระฆังโฆสิตาราม เราสามารถไปขึ้นเรือข้ามฝากที่ ท่าช้าง เพื่อข้ามฟากไปลงที่ ท่าวัดระฆัง หรือใครสะดวกจะขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยาไปก็ได้เช่นกันครับ ซึ่งที่ท่าเรือเราก็จะเห็นคนนำเอาอาหารมาให้ปลา และนกพิราบกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราหวังว่าหากได้อ่านบทความนี้กันแล้ว และได้มีโอกาสผ่านไปบริเวณนั้น อย่าลืมแวะเวียนกันไปกราบนมัสการสิ่งศักสิทธิ์ และชื่นชมสถาปัตยกรรมสวยงามต่างๆ ภายในวัดได้อย่างอิ่มบุญอิ่มใจกันถ้วนหน้าครับ สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน บทความหน้าเราจะพาไปเที่ยวไหว้พระที่ไหน รอติดตามชมกันได้เลย สวัสดีครับ
